วันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2559

ความหนาวอันอบอุ่น

ฉันชอบอากาศหนาว
ยิ่งถ้ามีใครสักคนที่เรารักอยู่ข้างๆ เราในเวลานี้
หัวใจเราก็ยิ่งรู้สึกอบอุ่น

แต่บังเอิญตอนนี้ไม่มีไง (เพล้ง!!)

ถึงกระนั้นก็ดี หัวใจฉันก็ยังรู้สึกอบอุ่นได้
ฉันยังจำได้ เวลาที่ฉันไปโบสถ์เวลาอากาศหนาวๆ
หัวใจของฉันจะรู้สึกอบอุ่นเป็นพิเศษ เมื่ออยู่ในกำบังและอ้อมพระหัตถ์ของพระเจ้า
ฉันสัมผัสเสียงของพระองค์ผ่านความเงียบงัน
ถึงกระนั้น ฉันกลับสัมผัสความรักของพระองค์ได้อย่างชัดเจน ยิ่งกว่าเวลาใดๆ
ยิ่งถ้าเป็นวันคริสต์มาสละก็ หัวใจฉันยิ่งเต็มไปด้วยความปิติยินดีเป็นสองเท่า!!

ปีนี้ กรุงเทพฯ หน้าหนาวมาช้าหน่อย
เมื่อวานนี้ วันที่กรุงเทพฯ เริ่มหนาวเป็นวันแรก
ภาพที่ผู้คนใส่เสื้อหนาวเดินขวักไขว่ ทำให้ฉันมีความสุข
ทุกอย่างมีสีสันกว่าที่เคย แม้ทุกคนจะต้องเดินฝ่าลมหนาวตัวสั่นก็ตาม

เมื่อคืนนี้ ฉันไปภาวนาที่สังฆะเล็กๆ ของหมู่บ้านพลัม
เมื่อเปิดประตูเข้าไป แทนที่จะเห็นเพื่อนร่วมสังฆะนั่งบนเบาะเตรียมภาวนาเหมือนทุกครั้ง
ทุกๆ คนกลับไปรวมตัวกันที่โต๊ะอาหาร เจ้าของบ้านนำชาร้อนๆ มาให้กับทุกคน
พวกเราพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ ก่อนจะไปภาวนาร่วมกันตามปกติ
ถึงจะเลทไปกว่าทุกครั้ง แต่มันก็เป็นบรรยากาศที่ไม่รู้ลืมจริงๆ

มาวันนี้ อากาศก็ยังหนาวเย็นสำหรับหลายๆ คน
แต่สำหรับฉัน มันกำลังดีเลยทีเดียว...
ฉันเดินกลับบ้านอย่างมีความสุข สายลมพัดปลายผมของฉันปลิวไสว

ฉันถึงบ้าน นั่งลง แกะห่อขนมที่ฉันชอบ อุ่นนมร้อนๆ ดื่ม
แค่นี้ฉันก็มีความสุขแล้ว ^^

บรรยากาศหนาวๆ ทำให้หัวใจเราอบอุ่นได้เสมอ
วันนี้คุณทำให้คนที่คุณรัก หัวใจอบอุ่นหรือยัง <3



Twitter: https://twitter.com/tenravipan
Google+: https://plus.google.com/109907586945597973785

วันศุกร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2559

เมื่อฉันพบแพทย์แผนไทยประยุกต์ (2)

ถึงเวลาจ่ายยา...

แน่นอนว่า พอเป็นแพทย์แผนไทย มันก็จะไม่ใช่ยาเคมี แต่เป็นสมุนไพร
บางอย่างมาในรูปแคปซูล (เพื่อให้ทานง่าย)
บางอย่างมาในรูปผง ผสมน้ำอุ่นกิน (หรือกินเปล่าๆ ก็ได้)
และยาหลายๆ ตำรับ หมอก็เป็นคนคิดตำรับยาเอง!!

เก่งเว่อร์วังเนาะ...ความอิจฉาของฉันทำงานเบาะๆ

วิธีการจ่ายยาของหมอ จะดูตามธาตุของเราเป็นหลักด้วย
ไม่ใช่แค่ว่า ท้องผูก เอามะขามแขกไปกิน จ่ายยาแบบครอบจักรวาล อันนี้ไม่ใช่...
เพราะยาทุกตัวดีในแบบของมัน แต่ไม่ได้เหมาะกับทุกคนและทุกครั้ง (หมอเขาว่างั้น)

ส่วนผลจะเป็นยังไง ฉันคิดว่า ต้องดูกันไปยาวๆ
ในความคิดของฉัน สิ่งหนึ่งที่ต่างกับแพทย์สมัยใหม่ คือ
แพทย์สมัยใหม่ จ่ายยาตามอาการ อาการหาย คือจบ
แต่แพทย์แผนไทย จ่ายยาเพื่อแก้ที่ต้นเหตุ และปรับสมดุลธาตุ จึงใช้เวลานานกว่า

และการที่จะหายหรือไม่ ไม่ได้อยู่แค่ที่ยาของหมอเท่านั้น
แต่อยู่ที่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเราด้วย

เช่น เรื่อง "ความขี้หงุดหงิด"

ความหงุดหงิดของคนแต่ละธาตุ มีสาเหตุ/ที่มาที่ไปต่างกัน
(แต่แน่นนอนว่า เราทุกคนมีทั้งสี่ธาตุในตัวเอง -- อันนี้คล้ายๆ นพลักษณ์)

ธาตุดิน - หงุดหงิดเมื่อไม่เป็นระเบียบ ระบบ ไม่ถูก ไม่ควร ไม่แน่นอน
ธาตุน้ำ - หงุดหงิดเมื่อไม่ได้รับความใส่ใจ การยอมรับ ไม่เห็นความสำคัญ
ธาตุลม - หงุดหงิดเมื่ออยู่ในสภาวะอึดอัด ถูกจำกัด บังคับ
ธาตุไฟ - หงุดหงิดเมื่อถูกกีดขวางไม่ให้ไปถึงเป้าหมาย ความสำเร็จ

วิธีดูแลตัวเอง
1. รู้เท่าทันเวลาที่ธาตุภายในตนเองไม่สมดุล  มีสติ อยู่กับปัจจุบันขณะ
2. หลีกเลี่ยงการกินของรสจัดทุกชนิด หวาน เค็ม เผ็ด เปรี้ยว มัน
3. ไม่กินน้ำหวาน แอลกอฮอล์ น้ำอัดลม ชา กาแฟ เครื่องดื่มคาเฟอีน
4. กินน้ำชื่นใจ เช่น น้ำใบเตย เก๊กฮวย มะตูม มะลิ กระเจี๊ยบ จับเลี้ยง ผลไม้ฤทธิ์เย็นฉ่ำน้ำ เปรี้ยวอ่อน เปรี้ยวธรรมชาติ
5. ย้ายโฟกัสทั้งทางใจและกายภาพ เช่น ทำงานศิลปะ เล่นดนตรี ทำกิจกรรมเคลื่อนไหวร่างกาย นั่งสมาธิ

ป.ล. วันที่ 13-15 พ.ค. นี้ หมอต้าจะเปิดคอร์ส "สมดุลสี่ธาตุ"  กับเสมสิกขาลัย
สโลแกนคือ " เข้าใจธาตุ เท่าทันตัวตน รักษาสมดุลชีวิต"
อาจจะไม่ได้เน้นเรื่องสุขภาพมากนัก แต่เน้นการเข้าใจตัวเอง ปรับสมดุลให้กับจิตใจและชีวิต
ค่าอบรม แล้วแต่ทุกท่านจะบริจาคตามกำลังทรัพย์
สนใจติดต่อกับทางเสมฯ ได้โดยตรงเลยค่ะ ^^
http://semsikkha.org/

จบการขายของแต่เพียงเท่านี้ แฮ่ ^^"



วันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2559

เมื่อฉันพบแพทย์แผนไทยประยุกต์ (1)

ปกติก็ไม่ได้เป็นคนที่ใส่ใจสุขภาพมากนัก
อาจจะมีบ้าง เพราะการกินมังสวิรัติ ทำให้ต้องหาวิตามินเสริมมารับประทาน เพื่อป้องกันการขาดสารอาหาร

แต่ถ้าเป็นเรื่องตรวจสุขภาพประจำปี เคยไปแค่ครั้งเดียว แล้วก็ขี้เกียจ ไม่ไปอีก ทำแต่งาน

จนมาวันหนึ่ง ได้รู้จักกับหมอต้า (พทป.วิพุธ สันติวาณิช) แพทย์แผนไทยประยุกต์และแพทย์ทางเลือก ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการปรับสมดุลธาตุทั้ง 4 แบบองค์รวม (ทั้งร่างกายและจิตใจ)

แค่เขาเห็นหน้าฉัน และเอาวันเดือนปีเกิดเวลาเกิดไปดู

โอ้โห!! แม่นยิ่งกว่าหมอดู!! บอกได้หมดว่าฉันเป็นคนธาตุไหน นิสัยใจคอยังไง มีปัญหาสุขภาพด้านไหน

เอิ่ม...แค่ดูหน้ากับวันเกิดเนี่ยนะ บอกได้ขนาดนี้ ^^"
อย่ากระนั้นเลย ต้องไปเหยียบถึงถิ่น!! (ยิ้มแฉ่ง)

ก่อนจะไป หมอก็ให้ทำการบ้านนิดนึงว่า
"อาการ / โรค / ความไม่สมดุล ที่สังเกตได้ มีอะไรบ้าง"
เพื่อประเมินเวลาตรวจรักษา

อย่างส่วนตัวของฉัน อาการที่เป็นก็เช่น ผื่นขึ้นเรื้อรัง เป็นตากุ้งยิงบ่อยมาก ขาเป็นเหน็บง่าย เครียดง่าย ฯลฯ

คลินิกของหมอ (ซึ่งจริงๆ ก็คือบ้านของหมอนั่นแหละ) อยู่ในซอยเพชรเกษม 16
ประตูรั้วสีเขียว บ้านก็สีเขียว ดูร่มรื่นๆ

พอไปถึง พูดคุยซักถามอะไรกันตามหน้าที่...
แต่การพูดคุยธรรมดาๆ เนี่ยแหละ ที่นำพาความอัศจรรย์ใจมาสู่ฉันหลายๆ อย่าง...

ถ้าดูตามธาตุตอนเกิดของฉัน ฉันเป็นคนธาตุน้ำ
และไม่ใช่น้ำธรรมดา แต่เป็นน้ำที่เชี่ยว!! แถมมีลมพัดแรงกล้า
เมื่อน้ำเชี่ยวโดนลมพัด มันก็ยิ่งไหวเป็นระลอกๆ
แสดงให้เห็นว่า ฉันเป็นคนใช้อารมณ์ความรู้สึกเป็นหลัก แถมแปรปรวน และอ่อนไหวง่ายด้วย

แต่ด้วยความเครียดหรืออะไรก็แล้วแต่ เมื่อหมอจับชีพจร ก็พบว่ามีธาตุไฟเข้าแทรกอยู่มากผิวหน้าฉันก็แดงกว่าส่วนอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด...

สรุปก็คือ ธาตุไฟที่มีมากของฉัน ทำให้ความเป็นธาตุน้ำและธาตุลมของฉัน กลายเป็นน้ำร้อนและลมร้อนขึ้นมา
และโดยธรรมชาติ เมื่อน้ำร้อนเป็นไอ ก็จะลอยขึ้นสู่ที่สูง
ดังนั้น ความร้อนในตัวของฉันจึงกระจุกอยู่ที่ส่วนบนของร่างกาย (ตั้งแต่ท้องขึ้นไป)
ทำให้ฉันเป็นสิวง่าย มีผื่นขึ้นบริเวณแผ่นหลังและหน้าอก แถมขี้โมโหอีกต่างหาก
ส่วนที่ขา เนื่องจากธาตุลมและธาตุไฟลงไปน้อย (เพราะลอยขึ้นข้างบนหมด) ทำให้ขาเป็นเหน็บชาง่าย

ยิ่งพอมานวดกดจุด ตรงท้องนั้นตึงมาก มีลมค้างเยอะ

ก็เลยถึงบางอ้อเช่นกันว่า ทำไมเวลาฉันเครียด หรือเก็บกดอารมณ์มากๆ บังคับตัวเองมากๆ จะรู้สึกอึดอัดตรงท้อง/กระบังลม หายใจไม่ค่อยสะดวก...

(โม้ต่อพรุ่งนี้)

ป.ล. ใครสนใจอยากลองรักษาด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทยประยุกต์ ติดต่อหมอต้าโดยตรงได้เลยค่ะ ^_^ 
โทร: 085-157-3213085-959-1900
Facebook: Ta Wiput Tathata
Line ID: ta.tathata



วันพฤหัสบดีที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2559

วันนี้ ถึง วันที่ 10 ม.ค. งดเขียนบทความนะคะ
เหนื่อย+sick+มีงานติดๆ กันค่ะ T____T

วันพุธที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2559

รีวิวร้านอาหาร: ข้าวแกงกะหรี่ญี่ปุ่น Aoringo

ร้านแกงกะหรี่ที่ฉันชอบกินมากที่สุด คือร้านอะโอะรินโกะ (Aoringo) ชั้น 2 ตึกธนิยะ BTS ศาลาแดง

ร้านเล็กๆ บรรยากาศแบบง่ายๆ
วิธีสั่งก็แบบง่ายๆ เลือกมา 1 เมนู (เมนูที่ฉันสั่งประจำคือ ข้าวแกงกะหรี่เห็ดรวม)
รับทันที สลัดฟรี น้ำเปล่าฟรี ขนมฟรี เติมข้าวฟรี!!

ขอบอกว่าจานใหญ่มากกกกกก น้ำแกงกะหรี่ก็ให้เยอะ
จนคนกินกับน้อยอย่างฉัน ต้องสั่งข้าวเพิ่มอีกถ้วยทุกที เพื่อให้บาลานซ์กับแกง
ผลก็คือ....อิ่มมากกกกกกกกกกก

ส่วนรสชาติ...อร่อยสิจ๊ะ 555

การันตีความอร่อยด้วยเว็บไซต์ wongnai.com
ให้อะโอะรินโกะ เป็นร้านข้าวแกงกะหรี่ที่อร่อยที่สุดอันดับหนึ่ง!! (จากสิบอันดับ)
รสชาติจะออกแนวกลมกล่อม เลือกระดับความเผ็ดไม่ได้ ถ้าคนชอบกินรสจัดหรือเผ็ดมากๆ อาจจะไม่ชอบ

แต่ก็อยากให้เปิดใจลองดูนะคะ ^^
สำหรับฉันคือ Highly Reccomend จริงๆ ถ้าเบื่อข้าวแกงกะหรี่ญี่ปุ่นเจ้าเดิมๆ

ส่วนขนม มีให้เลือก 4 อย่าง เต้าหู้นมสด เยลลี่กาแฟ กาแฟร้อน กาแฟเย็น
ที่เด็ดสุดๆ คือ "เยลลี่กาแฟ" คอกาแฟถูกใจแน่นอน
เหมือนเอากาแฟดำมาทำเป็นเยลลี่ก้อนสี่เหลียมๆ แทนที่จะเป็นของเหลวเหมือนปกติ
เวลาทาน ก็ราดนม ราดน้ำเชื่อมตาม เหมือนกินกาแฟดำปกติเลย รสชาติเข้มได้ใจมักๆ
แต่เนื่องจากช่วงนี้เลี่ยงคาเฟอีน เลยสั่งเต้าหู้นมสดแทน อร่ยอเหมือนกัน เนื้อเนียนฝุดๆ

ที่ชอบที่สุดอีกอย่างหนึ่งของร้านนี้ คือ ตอนเช็คบิล
ราคาในเมนูเท่าไหร่ จ่ายเท่านั้น ไม่มีเพิ่ม vat ไม่มี service charge ไม่ต้องทิป

อิ่ม อร่อย และคุ้มสุดๆ ไปเลย >..<

ป.ล. ร้านเปิดตั้งแต่ 11 โมง ถึง 3 ทุ่มนะคะ ^^

ป.ล.ล. ในบิลคือราคาของข้าวแกงกะหรี่เห็ดรวม 1 จาน (250 บาท) เพิ่มไข่ต้ม 1 ฟอง (20 บาท)